แก้ว คืออะไร แก้ว คือ สลารชนิดหนึ่ง แต่ในกรณีของสสารทั่วไปมี 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และก๊าซ ในสภาวะที่เป็นก๊าซเมื่อเย็นตัวลงจะกลายเป็นของเหลว และเมื่อเย็นตัวต่อไปก็จะกลายเป็นของแข็ง เช่น น้ำเป็นของเหลว เมื่อร้อนขึ้นจะกลายเป็นไอ เมื่อเย็นจัดจะกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ในกรณีของแก้วนั้น ถึงแม้เมื่อมีอุณหภูมิสูงก็ยังมีสถานะเป็นของเหลวโดยไม่กลายสภาพเป็นก๊าซ ความหนืดของน้ำแก้วในขณะหลอมละลายหรือที่เรียกว่า น้ำแก้ว ( molten glass ) และเมื่ออุณหภูมิต่ำลงเป็นของแข็งที่ไม่เป็นผลึกหรือในรูปอสัณฐาน และมีความแข็งแรงในเนื้อ แต่มีความเปราะของเนื้อแก้ว
แก้วเป็นสารประกอบซิลิก้าหรือซิลิกอนไดออกไซด์( SiO2 ) ที่มีสารโลหะออกไซด์อื่นหรือมีสารอนินทรีย์บางชนิดอยู่ด้วย มีลักษณะเป็นของแข็งใส มองผ่านทะลุได้ แต่มีความเปราะอยู่ในตังเอง เมื่อนำมาเผาให้ถึงจุดหลอมละลายที่อุณหภูมิสูง และเย็นตัวลงจะได้วัตถุใสโปร่งตา มีความแวววาวสุกใส
แก้วมีทั้งที่เกิดโดยธรรมชาติและโดยมนุษย์สร้างขึ้น ในยุคหินที่มนุษย์เริ่มรู้จักใช้ไฟในการหุงต้มตรงเชิงตะกอนเตาเมื่อได้รับความร้อนสูงพออาจทำให้เกิดการหลอมละลายที่ผิวกลายเป็นลูกปัดแก้ว แก้วธรรมชาติเกิดจากการหลอมตัวของทรายหรือทรายแก้ว ซึ่งทางเคมี เรียกว่า ซิลฺกอนไดออกไซด์ ( silicon dioxide ) ซึ่งเกิดในลักษณะของหิน หรือแร่ โดยธรรมชาติ เช่น หินเขี้ยวหนุมาน ซึ่งในทางธรรมชาติจะใช้เวลานานมากกว่าจะได้แก้วดังนั้นมนุษย์จึงคิดค้นหาวิธีการผลิตแก้วให้ได้โดยไม่ใช้เวลานาน โดยนำมาหลอมที่อุณหภูมิสูงและมีวัตถุดิบเพื่อให้เกิดแก้วตามที่ต้องการ แก้วที่ได้โดยฝีมือมนุษย์สามารถจำแนกได้ 2ลักษณะ คือ ประเภทแก้วที่จำแนกตามลักษณะส่วนผสมและตามลักษณะการใช้งาน