แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดกึ่งสำเร็จ ( Wipe on plate ) เป็นแม่พิมพ์ที่อยู่ระหว่างแม่พิมพ์สำเร็จและแม่พิมพ์ทำเอง มีลักษณะโครงสร้างเหมือนแม่พิมพ์โลหะแต่มีสารไวแสงเคลือบอยู่ โดยผู่ใช้ต้องทำการเคลือบสารไวแสงบนผิวหน้าแม่พิมพ์เอง ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลามากกว่าแม่พิมพ์โลหะ สารไวแสงที่ใช้คล้ายแม่พิมพ์ชนิดสำเร็จ ผู้ใช้ต้องทำการผสมและเคลือบเอง โดยอาจใช้ฟองน้ำปาดไปทางเดียวหรือเคลือบด้วยแท่นหมุนแล้วทำให้แห้งด้วยพัดลม
Latest Article Get our latest posts by subscribing this site
แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดโลหะ
Posted by Ok-Workshop
Posted on 06:43
แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดโลหะ ( Metal Plate ) เป็นแม่พิมพ์ที่มีการใช้โลหะ 2 หรือ 3 ชนิด เคลือบชั้นกันเป็นชั้นๆ โดยวิธีการเคลือบโลหะ โดยโลหะที่ใช้มีคุณสมบัติแตกต่างกันด้านการรับหมึกและการรับน้ำ เพื่อมาแบ่งบริเวณภาพและบริเวณไร้ภาพออกจากกัน
ตัวอย่างโลหะที่รับหมึกพิมพ์ไำด้ดี ทำหน้าที่เป็นบริเวณภาพ ได้แก่ สังกะสี ทองแดง ทองเหลือง และเงิน
ตัวอย่างโลหะที่รับน้ำได้ดี ทำหน้าที่เป็นบริเวณไร้ภาพ ได้แก่ อลูมิเนียม โครเมียม และนิกเกิล
จากโครงสร้างของแม่พิมพ์ออฟเซตที่ใช้โลหะ 3 ชนิด ในการผลิตแม่พิมพ์โลหะแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันโดยโครเมียมทำหน้าเป็นส่วนรับน้ำหรือเป็นบริเวณไร้ภาพ ส่วนทองแดงทำหน้าที่เป็นส่วนที่รับหมึกหรือบริเวณภาพ และอลูมิเนียมทำหน้าที่เป็นฐานรองรับเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก้แม่พิมพ์
เนื่องจากบริเวณภาพเป็นโลหะ ทำให้แม่พิมพ์ชนิดนี้ใช้งานได้นาน แม่พิมพ์ชนิดนี้มีการผลิตคล้ายแม่พิมพ์พื้นลึก
ตัวอย่างโลหะที่รับหมึกพิมพ์ไำด้ดี ทำหน้าที่เป็นบริเวณภาพ ได้แก่ สังกะสี ทองแดง ทองเหลือง และเงิน
ตัวอย่างโลหะที่รับน้ำได้ดี ทำหน้าที่เป็นบริเวณไร้ภาพ ได้แก่ อลูมิเนียม โครเมียม และนิกเกิล
จากโครงสร้างของแม่พิมพ์ออฟเซตที่ใช้โลหะ 3 ชนิด ในการผลิตแม่พิมพ์โลหะแต่ละชนิดมีหน้าที่แตกต่างกันโดยโครเมียมทำหน้าเป็นส่วนรับน้ำหรือเป็นบริเวณไร้ภาพ ส่วนทองแดงทำหน้าที่เป็นส่วนที่รับหมึกหรือบริเวณภาพ และอลูมิเนียมทำหน้าที่เป็นฐานรองรับเพื่อช่วยเสริมความแข็งแรงให้แก้แม่พิมพ์
เนื่องจากบริเวณภาพเป็นโลหะ ทำให้แม่พิมพ์ชนิดนี้ใช้งานได้นาน แม่พิมพ์ชนิดนี้มีการผลิตคล้ายแม่พิมพ์พื้นลึก
โครงสร้างพื้นฐานและวัสดุที่ใช้ทำแม่พิมพ์พื้นราบ
Posted by Ok-Workshop
Posted on 06:23
เนื่องจากแม่พิมพ์พื้นราบที่มีในที่นี้ คือ แม่พิมพ์ออฟเซต ใช้หลักการของการไม่รวมตัวกันระหว่างน้ำกับน้ำมัน และแม่พิมพ์มีบริเวณภาพและบริเวณไร้ภาพที่อยู่ในระดับเดียวกัน โครงสร้างพื้นฐานและวัสดุที่ใช้ทำแม่พิมพ์ออฟเซตสามารถแบ่งได้ตามที่ใช้กันในอุตสาหกรรมการพิมพ์ 3 ประิเภท ดังนี้
- แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดโลหะ(Matel plate)
- แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดกึ่งสำเร็จ ( Wipe on plate )
- แม่พิมพ์ออฟเซตชนิดสำเร็จ ( Presensitized plate )
การแห้งตัวของหมึกพิมพ์เหลว
Posted by Ok-Workshop
Posted on 08:44
การแห้งตัวของหมึกพิมพ์แตกต่างกันตามระบบการพิมพ์และวัสดุพิมพ์ หมึกพิมพ์ในระบบการพิมพ์แบบเฟล็กโซกราฟีและกราวัวร์ มีการแห้งตัวแบบระเหยของตัวทำละลาย เพื่อให้เกิดการสร้างชั้นฟิล์มของหมึกบนวัสดุพิมพ์ โดยทั่วไปตัวทำละลายในหมึกพิมพ์เป็นตัวกำหนดอัตราการแห้งตัวเพื่อให้สอดคล้องกับความเร็วในการพิมพ์
หมึกพิมพ์ระบบเฟล็กโซกราฟีและกราวัวร์ เป็นหมึกพิมพ์ที่ใช้ตัวทำละลายระเหยเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับวัสดุพิมพ์ที่เป็นพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ และเพื่อให้สอดคล้องกับความเร็วในการพิมพ์ หากหมึกพิมพ์มีอัตราการแห้งตัวช้าจะส่งผลต่อการเกิดปัญหาต่างๆ ได้แก่ ความล้มเหลวในการพิมพ์สีต่อเนื่อง มีการสะสมของตัวทำละลาย หรือมีการตกค้างของตัวทำละลายในวัสดุพิมพ์ และเกิดปัญหาการติดกันของวัสดุพิมพ์ในม้วน
ในทางตรงกันข้ามหมึกพิมพ์มีอัตราการแห้งตัวเร็วเกินไป จะส่งผลต่อการเกิดปัญหาเช่นกัน ได้แก่ การพิมพ์ภาพฮาล์ฟโทนขาดความสวยงาม และมีการตกค้างของตัวทำละลายในวัสดุพิมพ์สูง เนื่องจากเรซิ่นมีการเซตตัวหรือมาดตัวสร้างชั้นฟิล์มขึ้นบนวัสดุพิมพ์ก่อนที่ตัวทำละลายในหมึกพิมพ์จะระเหยออกไป
ความเร็วในการแห้งตัวของหมึกพิมพ์สัมพันธ์โดยตรงกับปัจจัยหลัก 3 อย่าง
หมึกพิมพ์ระบบเฟล็กโซกราฟีและกราวัวร์ เป็นหมึกพิมพ์ที่ใช้ตัวทำละลายระเหยเร็ว เพื่อให้สอดคล้องกับวัสดุพิมพ์ที่เป็นพลาสติกเป็นส่วนใหญ่ และเพื่อให้สอดคล้องกับความเร็วในการพิมพ์ หากหมึกพิมพ์มีอัตราการแห้งตัวช้าจะส่งผลต่อการเกิดปัญหาต่างๆ ได้แก่ ความล้มเหลวในการพิมพ์สีต่อเนื่อง มีการสะสมของตัวทำละลาย หรือมีการตกค้างของตัวทำละลายในวัสดุพิมพ์ และเกิดปัญหาการติดกันของวัสดุพิมพ์ในม้วน
ในทางตรงกันข้ามหมึกพิมพ์มีอัตราการแห้งตัวเร็วเกินไป จะส่งผลต่อการเกิดปัญหาเช่นกัน ได้แก่ การพิมพ์ภาพฮาล์ฟโทนขาดความสวยงาม และมีการตกค้างของตัวทำละลายในวัสดุพิมพ์สูง เนื่องจากเรซิ่นมีการเซตตัวหรือมาดตัวสร้างชั้นฟิล์มขึ้นบนวัสดุพิมพ์ก่อนที่ตัวทำละลายในหมึกพิมพ์จะระเหยออกไป
ความเร็วในการแห้งตัวของหมึกพิมพ์สัมพันธ์โดยตรงกับปัจจัยหลัก 3 อย่าง
- ชนิดของตัวทำละลาย ตัวทำละลายที่มีอัตราการระเหยตัวสูงจะให้อัตราความเร็วในการแห้งตัวสูง
- ชนิดของเรซิ่น การเลือกใช้เรศิ่นและตัวทำละลายที่เหมาะสมรวมทั้งความสามารถในการสร้างชั้นฟิล์มของเรซิ่น ล้วนมีผลต่อการแห้งตัวของหมึกพิมพ์
- ชนิดของวัสดุพิมพ์ การพิมพ์บนวัสดุพิมพ์ที่มีรูพรุน เช่น กระดาษ ย่อมให้ความเร้วในการแห้งตัวเร็วกว่าการพิมพ์บนวัสดุพิมพ์ที่มีผิวเรียบ เช่น พลาสติก
เรซิ่นในหมึกพิมพ์กราวัวร์
Posted by Ok-Workshop
Posted on 07:57
การเลือกใช้เรซิ่นในหมึกพิมพ์กราวัวร์ควรสอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ ดังได้กล่าวมาแล้วเช่นกัน เนื่องจากแม่พิมพ์ในระบบกราวัวร์เป็นแม่พิมพ์โลหะที่มีความทนทานต่อตัวทำละลายประเภทอะโรมาติกไฮโดคาร์บอน ดังนั้นจึงไม่มีข้อจำกัดในการเลือกใช้เรซิ่น สิ่งสำคัญ คือ เรซิ่นแต่ละชนิดนั้น ควรมีสมบัติต่างๆตามปัจจัยที่ได้กล่าวมาแล้วโดยรวมการเลือกใช้เรซิ่นในหมึกพิมพ์กราวัวร์จะต้องสอดคล้องกับเรซิ่นที่ใช้กับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟี
เรซิ่นในหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟี
Posted by Ok-Workshop
Posted on 03:29
การเลือกใช้หมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟีควรสอดคล้องกับปัจจัยต่างๆ สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกใช้เรซิ่นสำหรับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟี คือ การเลือกเรซิ่นที่มีสมบัติการละลายในตัวทำละลายที่ไม่มีผลต่อการทำลายแม่พิมพ์ยาง โดยปกติแล้วแม่พิมพ์ยางในระบบการพิมพ์ในระบบการพิมพ์เฟล็กโซกราฟี 2 ประเภท คือ แม่พิมพ์ยางธรรมชาติและแม่พิมพ์ยางสังเคราะห์ แม่พิมพ์ยางทั้ง 2 ประเภท มีสมบัติต้านทานต่อตัวทำละลาย แตกต่างกัน แต่โดยรวมแม่พิมพ์ทั้ง2 ประเภท ไม่ทนต่อตัวทำละลายประเภทอะโรมาติก ซึ่งเป็นตัวทำละลายที่มีหมู่วงแหวนเบนซินอยู่ในโครงสร้างทางเคมี ตัวทำละลายประเภทนี้ เช่น ด?ลูอีน ตัวทำละลายที่ใช้กับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟีควรเป็นตัวทำละลายประเภทแอลกอฮอล์ และเอสเทอร์ เท่านั้น
ในการเลือกเรซิ่่นสำหรับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟีนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เรซิ่นต้องละลายในตัวทำลายประเภทที่กล่าวมาแล้ว ให้สมบัติกับการยึดติดกับวัสดุพิมพ์ มีสมบัติการเปียกกับผงสีได้ เป็นเรซิ่นที่มีการสร้างชั้นฟิล์มอย่างรวดเร็ว มีกลิ่นน้อย ให้ค่าตกค้างของตัวทำละลายต่ำ และควรมีสมบัติเข้ากันได้ดีกันเรซิ่นร่วมชนิดอื่นๆ โดยทั่วไปเรซิ่นแต่ละชนิดจะให้สมบัติตามปัจจัยที่ระบุมาไม่ครบถ้วน จึงทำให้มีการใช้เรซิ่นหลายชนิดในการผลิตหมึกพิมพ์ชนิดหนึ่ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้พิมพ์ด้วย การใช้เรซิ่นหลายๆชนิดในหมึกพิมพ์ชนิดหนึ่งๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาการไม่รวมตัวกันหรือเข้ากันไม่ได้ระหว่างเรซิ่นแต่ละชนิด นอกจากนี้การเลือกใช้ตัวทำละลายที่ไม่เหมาะสมก็จะมีผลต่อสมบัติของหมึกพิมพ์ด้วย ดังนัน้ควรคำนึงถึงทั้งการเข้ากันได้ของเรซิ่นที่ใช้ กับการเลือกใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสมในการผลิตหมึกพิมพ์
ในการเลือกเรซิ่่นสำหรับหมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟีนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคือ เรซิ่นต้องละลายในตัวทำลายประเภทที่กล่าวมาแล้ว ให้สมบัติกับการยึดติดกับวัสดุพิมพ์ มีสมบัติการเปียกกับผงสีได้ เป็นเรซิ่นที่มีการสร้างชั้นฟิล์มอย่างรวดเร็ว มีกลิ่นน้อย ให้ค่าตกค้างของตัวทำละลายต่ำ และควรมีสมบัติเข้ากันได้ดีกันเรซิ่นร่วมชนิดอื่นๆ โดยทั่วไปเรซิ่นแต่ละชนิดจะให้สมบัติตามปัจจัยที่ระบุมาไม่ครบถ้วน จึงทำให้มีการใช้เรซิ่นหลายชนิดในการผลิตหมึกพิมพ์ชนิดหนึ่ง ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้พิมพ์ด้วย การใช้เรซิ่นหลายๆชนิดในหมึกพิมพ์ชนิดหนึ่งๆ อาจก่อให้เกิดปัญหาการไม่รวมตัวกันหรือเข้ากันไม่ได้ระหว่างเรซิ่นแต่ละชนิด นอกจากนี้การเลือกใช้ตัวทำละลายที่ไม่เหมาะสมก็จะมีผลต่อสมบัติของหมึกพิมพ์ด้วย ดังนัน้ควรคำนึงถึงทั้งการเข้ากันได้ของเรซิ่นที่ใช้ กับการเลือกใช้ตัวทำละลายที่เหมาะสมในการผลิตหมึกพิมพ์
ปัจจัยทั่วไปในการเลือกเรซิ่น ในงานพิมพ์
Posted by Ok-Workshop
Posted on 02:46
ปัจจัยการเลือกเรซิ่นในหมึกพิมพ์เหลวขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลายประการได้แก่
- การสร้างฟิล์มของเรซิ่น ความแข็ง กลิ่น สี ความโปร่ง ความทึบ และการละลายในตัวทำละลายที่ต้องการ
- สมบัติการเปียก กับผงสีที่เลือกใช้เำพื่อให้เกิดการกระจายตัวของผงสีดี และมีความเสถียร
- ความหนืด ของวานิชที่ทำจากเรซิ่นควรเพิ่มตามความหนืดของเรซิ่นที่สูงขึ้น
- เรซิ่นที่ดีควรมีสมบัติการสร้างชั้นฟิล์มที่รวดเร็วและให้ฟิล์มที่บางเมื่อสัมผัสกับอากาศหรือความร้อน
- เรซิ่นที่ดีควรมีสมบัติการยึดติดกับวัสดุพิิมพ์
- บนวัสดุพิมพ์ประเภทกระดาษ เรซิ่นที่เลือกควรมีการสร้างชั้นฟิล์มที่รวดเร็ว ไม่ควรซึมไปในเนื้อกระดาษมาก เพื่อรักษาความเงาบนผิวกระดาษสูงสุด
- เรซิ่นไม่ควรทำปฏิกิริยากับองค์ประกอบอื่นในหมึกพิมพ์ อันก่อให้เกิดปฏิกิริยาการเกิดเจลซึ่งทำให้หมึกเสียสภาพ
ประเภทและลักษณะทั่วไปของเรซิ่น
Posted by Ok-Workshop
Posted on 02:20
เรซิ่นเป็นสารประกอบอินทรีย์เชิงซ้อนของโมเรกุลขนาดใหญ่ มีทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และการสังเคราะห์ทางเคมี เรซิ่นในธรรมชาติ เช่น โรซิน กัม เรซิ่นสังเคราะห์เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีโดยปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ (Polymerization) ของโมเรกุลขนาดเล็ก เรซิ่นสังเคราะห์ เช่น พอลิเอไมด์ พอลิไวนิล สมบัติทางกายภาพของเรซิ่นสังเคราะห์จะมีความสัมพัธ์กับโครงสร้างทางเคมีและองค์ประกอบของเรซิ่นชนิดนั้นๆ สมบัติของเรซิ่นสังเคราะห์จะแตกต่างจากเรซิ่นธรรมชาติ ดังตาารงต่อไปนี้
ตารางการเปรียบเทียบลักษณะทั่วไประหว่างเรซิ่นธรรมชาติและเรซิ่นสังเคราะห์ |
เรซิ่นในหมึกพิมพ์เหลว
Posted by Ok-Workshop
Posted on 02:11
เรซิ่นเป็นองค์ประกอบที่มีหน้าที่หลักในการสร้างชั้นฟิล์มของหมึกให้ยึดติตกับวัสดุพิมพ์ ส่วนหน้าที่รอง คือ การให้ความเงา และการทำให้ฟิล์มของหมึกพิมพ์มีความแข็งแรง การเลือกเรซิ่นในหมึกพิมพ์ขึ้นอยู่กับชนิดของหมึกพิมพ์ที่ต้องการ ระบบการพิมพ์ การนำไปใช้งาน และสมบัติเฉพาะตัวของเรซิ่น
ข้อควรคำนึงถึงในการเลือกใช้ผงสีและสีย้อม
Posted by Ok-Workshop
Posted on 01:45
ในหมึกพิมพ์เหลวทั้งเฟล็กโซกราฟีและกราวัวร์ จะมีการเลือกใช้ผลสีที่ต่างกัน โดยอาศัยปัจจัยหลัก 3 ประการ เป็นตัวกำหนด คือ
- การกระจายตัวของผงสี ที่อยู่ในวานิชแต่ละชนิด จะมีผลต่อการไหลของหมึกพิมพ์ ในทางทฤษฏีหมึกพิมพ์เหลวที่ดีต้องมีการไหลใกล้เคียงกับน้ำ ซึ่งมีลักษณะการไหลที่เรียกว่าแบบนิโทเนียน (newtonian flow) ซึ่งเป็นการไหลที่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลงถึงแม้จะมีแรงกระทำมากหรือน้อย
- ความเสถียรของหมึกพิมพ์ การกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอของผลสี ทำให้ผงสีที่อยู่ในวานิช มีเสถียรภาพการไหลของหมึกพิมพ์ในขณะผลิต ขณะพิมพ์ และขณะเก็บที่ดีไม่เปลี่ยนแปลง
- ความต้องการในการนำไปใช้งานขั้นสุดท้าย กล่าวคือ การเลือกใช้ผงสีต้องให้สอดคล้องกับการนำไปใช้งานครั้งสุดท้าย เช่น งานพิมพ์บรรจุภัณฑ์ผลิตภัณฑ์ประเภทสบู่ แชมพูสระผม สิ่งที่จำเป็นของการเลือกใช้ผงสีเหล่านี้ คือ การเลือกสมบัติที่มีความต้านทานต่อด่างและต้านทานสารเคมีในสบู่
การเลือกใช้หมึกพิมพ์เฟล็กโซกราฟี และหมึกพิมพ์กราวัวร์ต้องสอดคล้องกับปัจจัยดังกล่าวขั้นต้น คือ คำนึงถึงการกระจายตัวของผงสี ความเสถียรของหมึกพิมพ์ และความต้องการนำไปใช้งานขั้นสุดท้าย